AYI (Applied Yoga Integration) คือระบบการเคลื่อนไหวที่ใช้ท่าโยคะ และท่าออกกำลังกาย เพื่อประเมินร่างกาย และช่วยรักษาความเจ็บปวดที่เกิดจากกล้ามเนื้อ ข้อต่อ และกระดูก
เราสามารถใช้ท่าโยคะที่ทำอย่างถูกต้องเป็นเครื่องมือในการประเมินองศาของการเคลื่อนไหว (Range of motion) และความแข็งแรง (Strength) ของข้อต่อว่า อยู่ถูกตำแหน่ง และไม่ถูกจำกัดการเคลื่อนไหวจากกล้ามเนื้อโดยรอบได้
“
AYI เป็นรูปแบบการฝึกโยคะ
ที่มุ่งให้แต่ละคนสามารถเข้าใจร่างกาย อารมณ์ และจิตใจของตนในองค์รวม
“
ปัจจุบันการสอนโยคะในแบบต่างๆ อาจไม่ได้เน้นการจัดตำแหน่งร่างกายที่เหมาะสม ทำให้ผู้ฝึกเกิดการบาดเจ็บ และเข้าใจโยคะได้ไม่ลึกซึ้ง โยคะนอกจากเป็นการเพิ่มความแข็งแรงทางร่างกายและอารมณ์ ยังเป็นการฝึกปฏิบัติที่มุ่งพัฒนาความรู้ และความเข้าใจในตน เห็นความเชื่อมโยงระหว่างร่างกาย และจิตใจที่ชัดเจน ละเอียดขึ้นผ่านความใส่ใจในการฝึก
มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่ซับซ้อน มีกล้ามเนื้อ ข้อต่อ เส้นประสาท และอารมณ์ ในการฝึกหรือบำบัดรักษา คือจำเป็นต้องคำนึงถึงสิ่งเหล่านี้ทั้งหมด ไม่เพียงแค่จัดการกับโครงสร้างทางกายภาพ (physical) แต่ต้องรวมไปถึงความตระหนักรู้ (awareness) ในร่างกายของตนเองด้วย นี่คือจุดสำคัญของมุมมองในการฝึกโยคะ AYI
องค์ประกอบการฝึก AYI
1. MOTOR CONTROL
Motor Control คือ กระบวนการประสานงานและสั่งการของสมอง รวมถึงกล้ามเนื้อในการเคลื่อนไหว หากพัฒนา Motor Control ให้ดีขึ้นด้วยการฝึกกล้ามเนื้อในองศาการเคลื่อนไหวต่างๆ การเคลื่อนไหวโดยรวมก็จะสมบูรณ์ยิ่งขึ้นเช่นกัน
Motor Control จึงเป็นกุญแจสำคัญของร่างกายที่จะลดการบาดเจ็บการในฝึกโยคะ การออกกำลังกายต่างๆ รวมทั้งการเคลื่อนไหวในชีวิตประจำวัน
ท่าฝึกโยคะแบบดั้งเดิมส่วนใหญ่ กล้ามเนื้อจะถูกยืดเหยียดแบบใช้แรงจากภายนอกช่วย (passive stretching) อย่างการเอื้อมมือจับเท้าเพื่อพับตัวก้มยืดขา หรือค่อยๆ อ้อมแขนไพล่หลังแล้วใช้มือเกี่ยวกันเพื่อเปิดไหล่ การยืดลักษณะนี้ในด้านหนึ่งก็ให้ผลดี แต่หากเราทำเช่นนี้เป็นระยะเวลานาน อาจทำให้เกิดการบาดเจ็บจากแรงกดดันภายในข้อต่อ ซึ่งทำให้ข้อต่อสึกหรอเมื่อทำประจำ
AYI จะสอนเทคนิคการกระตุ้นกล้ามเนื้อ ที่จะช่วยพัฒนา Motor Control และเพิ่มความยืดหยุ่นของเนื้อเยื่อ ทำให้ร่างกายมีความแข็งแรงและยืดหยุ่นในเวลาเดียวกัน
2. JOINT MOBILITY
ข้อสำคัญของ AYI คือการประเมินการทำงานของข้อต่อแต่ละจุดผ่านท่าโยคะ และท่าการออกกำลังกาย เมื่อข้อต่อหนึ่งมีการเคลื่อนไหวที่จำกัด (Immobility) หรือเคลื่อนไหวได้มากเกินไป (Hypermobility) เนื้อเยื่อโดยรอบข้อต่อจะชดเชยการทำงาน (Compensation) ทำให้การเคลื่อนไหวไม่เต็มศักยภาพ ทำให้เกิดความเจ็บปวดหรือการบาดเจ็บตามมา
เมื่อมีกลุ่มกล้ามเนื้อใดกล้ามเนื้อหนึ่งไม่ทำงาน ท่าโยคะต่างๆ จะเป็นเครื่องมือประเมินเพื่อตรวจเช็กได้ ทำให้สามารถแก้ไขการจัดวางท่า วิธีการใช้กล้ามเนื้อ และมุมองศาการเคลื่อนไหว เมื่อปรับและฝึกพัฒนาการใช้งานให้ถูกต้องแล้ว ศักยภาพในการเคลื่อนไหวก็จะเพิ่มขึ้น ความเจ็บปวดลดลง และคุณภาพชีวิตก็จะกลับคืนมา
3. ALIGNMENT
การจัดวางตำแหน่งท่า (Alignment) เป็นหนึ่งในหัวข้อที่เกิดความเข้าใจผิดมากที่สุดในโยคะ ผู้ฝึกมักจะพยายามจัดระเบียบร่างกายตาม Alignment ที่สมบูรณ์แบบ แต่ในความเป็นจริงแล้ว Alignment ของแต่ละคนนั้นไม่เหมือนกัน ไม่มีรูปแบบที่ตายตัว จึงไม่มีวิธีที่ถูกต้องที่สุด หรือสมบูรณ์ที่สุดแบบใดแบบหนึ่งเท่านั้น
ในการฝึกแบบ AYI จะมีหลักการจัด Alignment ที่ขึ้นอยู่กับการประเมินร่างกายของผู้ฝึกเป็นรายบุคคล โดยให้ความสำคัญกับการวางตำแหน่งข้อต่อที่ถูกต้อง ซึ่งในการฝึกการจัด Alignment อาจไม่ได้เหมือนกันในทุกครั้ง และให้ความสำคัญให้การพัฒนากล้ามเนื้อ สร้างความมั่นคงในการเคลื่อนไหว เพื่อลดอาการปวด และการบาดเจ็บ
4. THE IMPORTANCE OF BREATHING
ลมหายใจเป็นรูปแบบการเคลื่อนไหวที่สำคัญที่สุดในชีวิต เป็นการเคลื่อนไหวครั้งแรกในทารกแรกเกิด และเป็นการเคลื่อนไหวครั้งสุดท้ายก่อนเสียชีวิต
คนส่วนใหญ่หายใจได้ไม่เต็มที่ ในขณะที่บางคนอาจไม่รับรู้ถึงเลย ซึ่งลมหายใจนั้นเกี่ยวข้องโดยตรงกับความคิดและความรู้สึก จากการศึกษาพบว่า การหายใจสั้นๆ เร็วๆ และไม่รู้ตัว นำไปสู่ภาวะวิตกกังวล ในขณะที่การหายใจลึกๆ ช้าๆ และมีสติ จะสร้างสภาวะของความสงบและสันติ
รูปแบบการฝึกของ AYI จะสอนกลไกการหายใจที่เหมาะสม ให้ผู้ฝึกได้เรียนรู้ความแตกต่างระหว่างการหายใจด้วยกระบังลม ทรวงอก และช่องท้อง กลไกการขยายและหดตัวของกระดูกซี่โครงที่ใช้ในการหายใจ ตลอดจนเทคนิคการหายใจออกเพื่อทำให้จิตใจสงบผ่อนคลาย
5. MIND-BODY CONNECTION
จิตใจและร่างกายนั้นมีความสัมพันธ์กันเป็นอย่างมาก สิ่งหนึ่งไม่สามารถดำรงอยู่ได้หากปราศจากอีกสิ่งหนึ่ง และทั้งสองสิ่งก็รับส่งข้อมูลให้กันและกัน ร่างกายหากมีการตระหนักรู้ (awareness) ซึ่งก่อนหน้าอาจไม่เคยมีสติรับรู้ทัน การรับรู้นั้นจะแปลเป็นพลัง และความมีชีวิตชีวาที่เพิ่มพูนขึ้น
พระพุทธเจ้าทรงสอนถึงความสำคัญในการเจริญสติของร่างกาย พระองค์ตรัสว่านี่คือทางตรงไปสู่การตรัสรู้ หมายความว่าการรับรู้ไม่ได้มีประโยชน์เพียงเพื่อบรรเทาความเจ็บปวดทางร่างกาย เพราะความรู้สึกไม่สบายกายอาจไม่ใช่ปรากฏการณ์ทางกายภาพเพียงเท่านั้น
การฝึกโยคะทำให้ผู้ฝึกมีความแข็งแรง-ความยืดหยุ่นมากขึ้น และยังเป็นเครื่องมือในการตื่นรู้ ยิ่งผู้ฝึกเคลื่อนไหวได้แข็งแกร่งขึ้นเท่าใด คุณภาพชีวิตของพวกเขาก็จะยิ่งเพิ่มพูนมากขึ้น และมีความสุขมากขึ้น
6. INTELLIGENCE, INJURY, AND REHABILITATION
ภูมิปัญญาที่มีมาแต่กำเนิดของร่างกายเป็นองค์ประกอบสำคัญในการพัฒนาของมนุษย์ เอกลักษณ์และความพิเศษนี้ จะคอยบอกให้ร่างกายเรารู้เมื่อปลอดภัยหรือเมื่อตกอยู่ในอันตราย และยังเป็นตัวกำหนดความแข็งแกร่ง และความคล่องตัวในสถานการณ์ต่างๆ ดังนั้นเมื่อไม่มีสติรับรู้ในร่างกาย การเกิดอาการบาดเจ็บต่างๆ ก็จะมีโอกาสสูงขึ้นเช่นกัน
ร่างกายจะสร้างรูปแบบการชดเชย (compensation) เมื่อเกิดอาการบาดเจ็บ การเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อ และข้อต่อจะไม่สามารถขยับได้อย่างที่เคย เกิดเนื้อเยื่อ แผลเป็นขึ้น ในการฟื้นฟูขั้นตอนแรกคือต้องมั่นใจว่าจัดวางข้อต่อให้อยู่ในระนาบที่เหมาะสม ซึ่งจุดนี้จะช่วยป้องกันไม่ให้เกิดเนื้อเยื่อแผลที่ผิดปกติ รูปแบบการฝึกของ AYI จะช่วยให้เนื้อเยื่อสามารถกลับคืนสู่สมรรถนะปกติได้
พบกับคลาส AYI (Applied Yoga Integration) ที่ YogaSutra ตั้งแต่เดือนเมษายน 2023 เป็นต้นไป
More info: https://joryserota.com/