Search

If It Hurts, Don’t Do It!!! เลี่ยงความเจ็บปวดจากการฝึกโยคะ

yoga injury

การฝึกโยคะเป็นประสบการณ์ส่วนตัวที่แตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล หนึ่งในหลักการที่สำคัญที่สุดในการฝึกโยคะคือการเข้าใจและเคารพสัญญาณความเจ็บปวดจากร่างกาย ประโยคที่ว่า “ถ้ามันเจ็บ ก็อย่าทำ” เป็นแนวทางที่สำคัญที่ช่วยให้ผู้ฝึกหลีกเลี่ยงการบาดเจ็บและพัฒนาการฝึกที่มีความรับผิดชอบมากขึ้น

การเข้าใจความเจ็บปวดในโยคะ

ความเจ็บปวดเป็นสัญญาณธรรมชาติจากร่างกายที่บ่งบอกว่ามีบางอย่างผิดปกติ ในโยคะ การแยกแยะระหว่างความไม่สบายและความเจ็บปวดเป็นสิ่งสำคัญ ความไม่สบายอาจเป็นสัญญาณว่าร่างกายกำลังยืดหยุ่นขึ้นหรือกำลังการพัฒนาความแข็งแรง ขณะที่ความเจ็บปวดมักบ่งบอกถึงการบาดเจ็บหรือความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น

ประเภทของความเจ็บปวด

  • ความเจ็บปวดเฉียบพลัน: รู้สึกเจ็บแปร๊บและทันที บ่งบอกถึงการบาดเจ็บ
  • ความเจ็บปวดเรื้อรัง: ความเจ็บปวดที่คงอยู่เป็นเวลาหลายสัปดาห์หรือหลายเดือน มักเกี่ยวข้องกับสภาพที่เกิดขึ้นต่อเนื่อง
  • ความไม่สบาย: ความรู้สึกซึ่งสามารถทนได้ที่เกิดขึ้นระหว่างการยืดเหยียดและการเสริมสร้างกล้ามเนื้อ

ฟังสัญญาณจากร่างกาย

ความเจ็บปวดเป็นสัญญาณเตือน: ความเจ็บปวดเป็นวิธีที่ร่างกายสื่อสารกับเราว่ามีบางอย่างผิดปกติ อาจเป็นการบาดเจ็บกล้ามเนื้อ การเคลื่อนไหวที่ไม่ถูกต้อง หรือสัญญาณของโรคบางอย่าง การฝืนทำท่าที่เจ็บอาจนำไปสู่การบาดเจ็บที่รุนแรงขึ้นได้

ความยืดหยุ่นที่แท้จริง: ความยืดหยุ่นที่แท้จริงไม่ได้หมายถึงการฝืนบิดตัวให้สุดๆ แต่หมายถึงการเคลื่อนไหวอย่างมีสติรู้ตัวและค่อยๆ เพิ่มความยืดหยุ่นไปทีละน้อย การฝึกโยคะควรเป็นการสร้างความแข็งแรงให้กับกล้ามเนื้อและข้อต่อ ไม่ใช่การทำลายร่างกาย

การฟังเสียงภายใน: การฝึกโยคะเป็นการเดินทางเข้าสู่ภายใน การเรียนรู้ที่จะฟังเสียงของร่างกายและจิตใจเป็นสิ่งสำคัญ การฝึกโยคะควรเป็นประสบการณ์ที่สร้างความสุขและความสงบ ไม่ใช่ความทรมาน

ฉะนั้นเราควรให้ความสำคัญกับสัญญาณของร่างกาย ถ้ารู้สึกเจ็บแปร๊บหรือเจ็บหนักๆ ควรหยุดและพิจารณาท่าโพสหรือการเคลื่อนไหวใหม่ เลือกใช้ Option หรืออุปกรณ์เพื่อทำให้สามารถเข้าถึงท่าโพสและสะดวกสบายมากขึ้น และพักเมื่อจำเป็น การฝืนความเจ็บปวดอาจนำไปสู่การบาดเจ็บร้ายแรงและผลกระทบต่อการฝึกรวมถึงชีวิตประจำวันได้


ภาษาที่ใช้พูดถึงความเจ็บปวดในโยคะ

ภาษาที่เราใช้พูดถึงความเจ็บปวดในโยคะมีผลต่อทัศนคติและการปฏิบัติของเรา คำพูดบางคำอาจส่งเสริมให้เราฝืนทำท่าที่เจ็บ เช่น “ต้องทนเจ็บเพื่อให้ได้ผล” หรือ “ถ้าไม่เจ็บก็ไม่เกิดการเปลี่ยนแปลง” แต่ในความเป็นจริง การฝึกโยคะที่ถูกต้องไม่จำเป็นต้องเจ็บปวดเสมอไป

คำพูดที่ส่งเสริมสุขภาพที่ดี

  • ความรู้สึกตึง: แทนที่จะใช้คำว่า “เจ็บ” เราอาจใช้คำว่า “รู้สึกตึง” หรือ “รู้สึกไม่สบาย” เพื่ออธิบายความรู้สึกในร่างกาย
  • การรับรู้: แทนที่จะ “ทน” ความเจ็บปวด เราอาจกระตุ้นตัวเองด้วยการ “สังเกต” ความรู้สึกในร่างกาย
  • การปรับเปลี่ยน: แทนที่ “ฝืน” ทำท่าที่เจ็บ เราอาจ “ปรับเปลี่ยน” ท่าทางเพื่อให้รู้สึกสบายขึ้น

การสื่อสารกับครูผู้สอนเป็นสิ่งสำคัญ ใช้อธิบายความรู้สึกของเราอย่างชัดเจน และแจ้งเกี่ยวกับสภาพร่างกายหรือการบาดเจ็บที่มีอยู่ก่อน เพื่อครูจะสามารถให้คำแนะนำที่เหมาะสมแก่เราได้ นอกจากนี้ ควรมีสติและระลึกตลอดเวลาว่า “ฉันกำลังฟังร่างกายของฉันและเคารพขีดจำกัดของมัน”


ทางเลือกในการฝึกโยคะเพื่อหลีกเลี่ยงความเจ็บปวด

โยคะมีการ Modifile และทางเลือกมากมายเพื่อให้เหมาะกับรูปแบบร่างกายและสภาพร่างกายต่างๆ การเข้าใจและใช้ตัวเลือกเหล่านี้สามารถช่วยให้เราหลีกเลี่ยงความเจ็บปวดและเพลิดเพลินกับการฝึกที่ปลอดภัยมากขึ้น

  1. ใช้อุปกรณ์เสริม:
    • อุปกรณ์เสริม เช่น บล็อก เชือก และหมอนสามารถช่วยรองรับและทำให้เข้าถึงท่าโพสได้มากขึ้น
    • อุปกรณ์เสริมต่างๆ ยังช่วยจัด Alignment ที่เหมาะสมและลดแรงกดบนบริเวณที่เปราะบางได้
  2. ปรับปรุงท่าโพส:
    • ท่าโยคะส่วนใหญ่ล้วนมี Option หรือสามารถ Modified ให้ผู้ฝึกได้เลือกรูปแบบที่เหมาะกับร่างกายและความสามารถของตัวเอง
    • อย่าลังเลที่จะข้ามท่าโพสที่ทำให้รู้สึกไม่สบายหรือเจ็บ เน้นไปที่ท่าที่รู้สึกดีมากกว่าและมีประโยชน์ต่อตัวเอง
  3. การฝึกเพื่อการฟื้นฟู:
    • ควรรวมการฝึกโยคะแบบ Restore หรือแบบ Gentel ที่ช่วยในการผ่อนคลายและการฟื้นฟูร่างกาย ซึ่งเป็นการสร้างสมดุลให้กับการฝึกที่เข้มข้นมากขึ้น


การพัฒนาวิธีคิดที่เคารพความเจ็บปวด

การนำวิธีคิดที่เน้นความปลอดภัยและการดูแลตัวเองเป็นกุญแจสู่การฝึกโยคะที่ยั่งยืน ยอมรับปรัชญาที่ว่าโยคะไม่ใช่การทำท่าทางที่ท้าทายที่สุด แต่เกี่ยวกับการสร้างความเชื่อมโยงระหว่างร่างกาย จิตใจ และวิญญาณ

  1. ฝึกความอดทน:
    • ความก้าวหน้าในโยคะจะเกิดเมื่อเวลาผ่านไปและฝึกอย่างสม่ำเสมอ อดทนกับตัวเองและยอมรับชัยชนะเล็กๆ น้อยๆ
    • เข้าใจว่าความยืดหยุ่นและความแข็งแรงมีการพัฒนาอย่างค่อยเป็นค่อยไป การฝืนร่างกายไปสู่ท่าที่ซับซ้อนอาจนำไปสู่การบาดเจ็บ
  2. การเคลื่อนไหวอย่างมีสติ:
    • มุ่งเน้นไปที่คุณภาพของการเคลื่อนไหวของเรามากกว่าความลึกของท่าโพส การเปลี่ยนแปลงอย่างมีสติและการจัดระเบียบร่างกายที่เหมาะสมสามารถป้องกันความเครียดและเพิ่มประโยชน์ของแต่ละท่าโพส
    • รวมเทคนิคการหายใจเพื่อให้เรายังคงอยู่ในปัจจุบันและตื่นตัวต่อความต้องการของร่างกาย
  3. การศึกษาและความตระหนักรู้:
    • ให้ความรู้กับตัวเองเกี่ยวกับ Anatomy และเทคนิคการฝึกที่ปลอดภัย ความรู้จะช่วยให้สามารถตัดสินใจเกี่ยวกับการฝึกของเราได้
    • เข้าร่วมเวิร์คช็อปหรือคลาสที่เน้นการป้องกันการบาดเจ็บและการจัด Alignment ที่ปลอดภัย

โยคะเป็นการฝึกที่นำไปสู่การค้นพบในการดูแลตัวเอง การยึดหลักการ “ถ้ามันเจ็บ ก็อย่าทำ” ช่วยความปลอดภัยและสนับสนุนการฝึกของเราให้มีประสิทธิภาพ การเคารพสัญญาณความเจ็บปวด ใช้ภาษาที่เหมาะสม และยอมรับที่จะใช้ Option เป็นขั้นตอนที่สำคัญสู่การฝึกโยคะที่ยั่งยืนและเพลิดเพลิน จำไว้ว่าโยคะไม่ใช่เกี่ยวกับการฝืนผ่านความเจ็บปวด แต่เกี่ยวกับการเคารพความสามารถของร่างกายและสร้างการฝึกที่มีสมดุลและมีสติ