หลายคนคงทราบเรื่องราวของ “คุณหมอกฤตไท” ที่เพิ่งจากไปด้วยมะเร็งปอด ด้วยหนึ่งในสาเหตุจาก PM2.5 มลภาวะทางอากาศที่ยากจะหลีกเลี่ยงในปัจจุบัน เพจ “สู้ดิวะ” ของคุณหมอถูกตั้งขึ้นมาเพื่อถ่ายทอดเรื่องราวความเจ็บป่วย มอบแรงบันดาลใจ และสะท้อนถึงปัญหาที่ใหญ่ในระดับโครงสร้างของประเทศและเห็นควรว่าต้องจัดการอย่างจริงจังเสียที อย่างไรก็ตาม เราทุกคนควรเริ่มต้นด้วยการตระหนักและหันมาดูแลสุขภาพของตัวเองโดยเฉพาะเกี่ยวกับการหายใจท่ามกลางสิ่งแวดล้อมอันเต็มไปด้วยฝุ่นตัวร้ายนี้
ทำความเข้าใจ PM2.5 และผลกระทบต่อสุขภาพปอด:
PM2.5 เป็นอนุภาคละเอียดที่พบในอากาศเสีย ก่อให้เกิดภัยคุกคามร้ายแรงต่อสุขภาพระบบทางเดินหายใจ ฝุ่นขนาดที่เล็กจิ๋วนี้สามารถเจาะปอดลงไปได้ลึก นำไปสู่ปัญหาสุขภาพต่างๆ รวมถึงโรคหอบหืด ประสิทธิภาพการทำงานของปอดลดลง และความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นของโรคมะเร็งปอดเช่นเดียวกับคุณหมอกฤตไท
บทบาทของโยคะเพื่อสุขภาพระบบทางเดินหายใจ:
โยคะ เป็นการฝึกที่ผสมผสานอาสนะ (Pose) การควบคุมลมหายใจ (Pranayama) และการทำสมาธิ (Meditation) เข้าด้วยกัน มีประโยชน์แบบองค์รวมสำหรับทั้งจิตใจและร่างกาย เชื่อว่าการฝึกโยคะจะช่วยในเรื่องสุขภาพทางเดินหายใจ (อ่าน The Power of Breath พลังแห่งลมหายใจ) โดยการเพิ่มความจุของปอด เพิ่มปริมาณออกซิเจน และพัฒนารูปแบบการหายใจโดยรวมให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
เทคนิคปราณยามะเพื่อสุขภาพปอด:
ปราณายามะ ศิลปะแห่งการหายใจแบบโยคะ ถือเป็นเครื่องมืออันทรงคุณค่าในการต่อสู้กับผลกระทบของ PM2.5 ที่มีต่อสุขภาพปอด เทคนิคต่างๆ เช่น กปาลาภติ อนุโลมวิลม และภัสตรีกาปราณายามะ (อ่าน Pranayama : ปราณยมะกับโยคะ) เน้นการทำความสะอาดระบบทางเดินหายใจ เพิ่มความจุปอด และปรับปรุงการไหลเวียนของออกซิเจน
โยคะอาสนะเพื่อการสนับสนุนระบบทางเดินหายใจ:
ท่าโยคะหรืออาสนะบางประเภทช่วยขยายหน้าอก เปิดปอด และพัฒนาการหายใจ ท่าต่างๆ เช่น Cobra Pose, Fish Pose และ Wheel Pose (กลุ่ม Backbend) เป็นที่รู้กันดีว่ามีศักยภาพในการเสริมสร้างกล้ามเนื้อทางเดินหายใจและเพิ่มการทำงานของปอด
การจัดการความเครียดและสุขภาพปอด:
นอกจากนี้ โยคะยังมีบทบาทสำคัญในการลดความเครียดอีกด้วย เนื่องจากความเครียดอาจทำให้ผลกระทบของมลภาวะต่อสิ่งแวดล้อมที่มีต่อระบบทางเดินหายใจรุนแรงขึ้น โยคะจะช่วยจัดการระดับความเครียดและพัฒนาสุขภาพปอดทางอ้อมผ่านการฝึกการผ่อนคลายและการทำสมาธิ
ลมหายใจแห่งความหวังท่ามกลางมลพิษ:
การผสมผสานการฝึกโยคะ โดยเฉพาะปราณยามะและอาสนะให้เข้ากับกิจวัตรประจำวันสามารถใช้เป็นแนวทางเสริมในการปกป้องสุขภาพระบบทางเดินหายใจในสภาพแวดล้อมที่มีมลพิษ แม้ว่าจะไม่ใช่วิธีแก้ปัญหาที่สมบูรณ์ แต่การปฏิบัติเหล่านี้อาจมีส่วนช่วยให้สุขภาพปอดดีขึ้นและความเป็นอยู่โดยรวมดีขึ้น
ทั้งนี้ก็ควรปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพเสมอเพื่อขอคำแนะนำและการรักษาเฉพาะบุคคลที่เกี่ยวข้องกับปัญหาสุขภาพระบบทางเดินหายใจ การฝึกโยคะเป็นเพียงแนวทางปฏิบัติหนึ่งที่ดี แต่ไม่ใช่การรักษาพยาบาล
YogaSutra มีจุดมุ่งหมายถ่ายทอดคุณประโยชน์ที่อาจเกิดขึ้นจากการผสมผสานการฝึกโยคะเข้ากับชีวิตประจำวันของเรา เพื่อให้ทุกคนได้มีแนวทางการดูแลสุขภาพระบบทางเดินหายใจของตัวเองไปปรับหรือเลือกใช้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในบริบทของมลภาวะ PM2.5 นี้
และจากบทสรุปของคุณหมอกฤตไท ที่มีต่อมะเร็งของเขามีอยู่ว่า “ชีวิตไม่แน่นอน สุดท้ายเราทุกคนจะต้องตาย จงอยู่กับปัจจุบัน ใช้แต่ละวันให้เหมือนวันสุดท้าย ถ้ามีอะไรที่ทำเพื่อคนอื่นได้ ก็แบ่งปันความโชคดีให้เขาบ้าง และไม่ว่าชีวิตจะเลวร้ายแค่ไหน อย่าหมดหวังกับชีวิตเด็ดขาด” หวังเป็นอย่างยิ่งว่า โยคะจะมีประโยชน์แก่เราทุกคน ช่วยเติมความหวังต่อการดำรงอยู่ในสภาวะแวดล้อมเช่นนี้ ขอให้ทุกคนสามารถหายใจได้อย่างเต็มปอดและมีประสิทธิภาพเหมือนวันสุดท้ายที่มีโอกาสได้หายใจ
Rest in Peace.