Solar Plexus Power: มณีปุระจักระ ต่อมหมวกไต และโยคะ
มณีปุระจักระ หรือที่เรียกกันว่า “จักระแห่งพลัง” (Solar Plexus Chakra) เป็นจักระที่สามในระบบจักระทั้งเจ็ด จักระนี้ตั้งอยู่ที่บริเวณสะดือขึ้นมาจนถึงกระบังลม และมีสีประจำคือ สีเหลือง มณีปุระจักระเกี่ยวข้องกับการควบคุมตนเอง การแสดงอำนาจส่วนบุคคล ความมั่นใจ และความกล้าหาญในการตัดสินใจ เป็นศูนย์กลางที่ช่วยให้เรามีพลังและเป้าหมายในชีวิต
การเชื่อมโยงกับต่อมหมวกไต
มณีปุระจักระเชื่อมโยงกับ ต่อมหมวกไต (Adrenal Glands) ซึ่งทำหน้าที่ผลิตฮอร์โมนที่สำคัญ เช่น อะดรีนาลีน (Adrenaline) และ คอร์ติซอล (Cortisol) ฮอร์โมนเหล่านี้ช่วยให้ร่างกายรับมือกับความเครียด รวมถึงเพิ่มพลังงานในการตอบสนองต่อสถานการณ์ต่างๆ ต่อมหมวกไตยังมีบทบาทสำคัญในการควบคุมระบบเมตาบอลิซึมและการย่อยอาหาร ซึ่งเป็นหัวใจหลักของการสร้างพลังงานในร่างกาย
หากมณีปุระจักระสมดุล จะทำให้เรารู้สึกมีพลังและมั่นใจในตัวเอง สามารถตัดสินใจและดำเนินชีวิตได้อย่างมั่นคง นอกจากนี้ ยังช่วยสร้างสมดุลให้กับระบบการย่อยอาหารและการเผาผลาญพลังงาน อย่างไรก็ตาม หากจักระนี้เสียสมดุล เราอาจรู้สึกไม่มีความมั่นใจ ขาดเป้าหมายในชีวิต … ...
Sacral Chakra Insights: สวาธิษฐานจักระ ต่อมเพศ และโยคะ
สวาธิษฐานจักระ หรือที่เรียกกันว่า “จักระศักดิ์สิทธิ์” (Sacral Chakra) เป็นจักระที่สองในระบบจักระทั้งเจ็ด จักระนี้มีความสำคัญเกี่ยวกับอารมณ์ ความคิดสร้างสรรค์ และการแสดงออกทางเพศ รวมถึงการสร้างสมดุลในชีวิตทางด้านจิตใจและความรู้สึก โดยจักระนี้ตั้งอยู่ที่บริเวณใต้สะดือเล็กน้อย และมีสีประจำคือสีส้ม
การเชื่อมโยงระหว่างสวาธิษฐานจักระกับต่อมเพศ
สวาธิษฐานจักระเชื่อมโยงโดยตรงกับ ต่อมเพศ (Gonads) ซึ่งในร่างกายมนุษย์ ประกอบด้วยรังไข่ในเพศหญิง และอัณฑะในเพศชาย ต่อมเหล่านี้ผลิตฮอร์โมนที่มีบทบาทสำคัญในการควบคุมระบบสืบพันธุ์ รวมถึงมีส่วนในการควบคุมอารมณ์ทางเพศ การสร้างสรรค์ และความรู้สึกพอใจในชีวิต หากจักระนี้สมดุล จะทำให้เรามีความพอใจในชีวิตรัก ความสุข และสามารถแสดงออกทางอารมณ์และความคิดสร้างสรรค์ได้อย่างดี
เมื่อจักระนี้ขาดสมดุล อาจส่งผลให้เกิดปัญหาทางอารมณ์ เช่น ความไม่มั่นคงทางอารมณ์ การขาดความคิดสร้างสรรค์ หรือความรู้สึกว่าชีวิตไร้ความพึงพอใจ นอกจากนี้ยังอาจส่งผลต่อระบบสืบพันธุ์ เช่น ปัญหาทางเพศหรือฮอร์โมนไม่สมดุล
การฝึกโยคะเพื่อปรับสมดุลสวาธิษฐานจักระ
การฝึกโยคะที่เน้นการปรับสมดุลสวาธิษฐานจักระ ควรมุ่งเน้นท่าที่ช่วยเปิดสะโพกและกระดูกเชิงกราน ซึ่งเป็นบริเวณที่พลังงานของจักระนี้ตั้งอยู่ … ...
Root Chakra Awakening: มูลธาระจักระ ต่อมหมวกไต และโยคะ
มูลธาระจักระ-Muladhara หรือที่รู้จักกันในชื่อ “Root Chakra” เป็นจักระแรกในระบบจักระทั้งเจ็ด และเป็นรากฐานของระบบพลังงานในร่างกายของเรา ตั้งอยู่บริเวณฐานของกระดูกสันหลังและมีสีประจำคือสีแดง เชื่อมโยงกับความรู้สึกปลอดภัย ความมั่นคง และการอยู่รอด มูลธาระจักระมีความสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดกับต่อมไร้ท่อ โดยเฉพาะต่อมหมวกไต ซึ่งควบคุมการหลั่งฮอร์โมนที่เกี่ยวข้องกับการตอบสนองต่อความเครียดและการรักษาสมดุลของร่างกาย
การเชื่อมโยงระหว่างมูลธาระจักระและต่อมหมวกไต
มูลธาระจักระนั้นเชื่อมโยงโดยตรงกับ ต่อมหมวกไต (Adrenal Glands) ซึ่งต่อมนี้มีบทบาทสำคัญในการผลิตฮอร์โมนที่ช่วยในการตอบสนองต่อความเครียด เช่น อะดรีนาลีน (Adrenaline) และคอร์ติซอล (Cortisol) ฮอร์โมนเหล่านี้ช่วยให้ร่างกายสามารถตอบสนองต่อสถานการณ์ฉุกเฉินหรือความเครียดได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
เมื่อมูลธาระจักระสมดุลและทำงานได้ดี ต่อมหมวกไตก็จะผลิตฮอร์โมนในปริมาณที่เหมาะสม ซึ่งจะช่วยให้ร่างกายสามารถรักษาสมดุลได้อย่างดีเยี่ยม แต่หากจักระนี้ไม่สมดุล เช่น เปิดกว้างเกินไปหรือปิดไป อาจทำให้เกิดความรู้สึกไม่มั่นคงหรือความวิตกกังวล ส่งผลให้ต่อมหมวกไตทำงานหนักเกินไปหรือทำงานไม่เพียงพอ
การฝึกโยคะเพื่อปรับสมดุลมูลธาระจักระ
การฝึกโยคะเป็นวิธีการที่ยอดเยี่ยมในการปรับสมดุลมูลธาระจักระและต่อมหมวกไต อาสนะที่เน้นการปรับสมดุลมูลธาระจักระนั้น ควรมุ่งเน้นไปที่ท่าที่ช่วยสร้างความมั่นคงและความแข็งแกร่งให้กับร่างกาย เน้นการยืดกล้ามเนื้อบริเวณขา สะโพก และกระดูกสันหลัง … ...
7 Chakras, 7 Powers: ค้นพบตัวเองผ่านโยคะฉบับเข้าใจง่าย
ในโลกของโยคะ มีคำว่า “จักระ” (Chakra) ที่ถูกพูดถึงกันบ่อยครั้ง ซึ่งจักระถือเป็นศูนย์กลางพลังงานภายในร่างกายของเรา แต่สำหรับผู้ที่เพิ่งเริ่มต้น อาจจะรู้สึกงงงวยและสงสัยว่า จักระคืออะไร? และเกี่ยวข้องกับการฝึกโยคะอย่างไร? ในบทความนี้เราจะอธิบายให้เข้าใจง่าย เพื่อช่วยให้คุณเริ่มต้นการฝึกโยคะอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
จักระคืออะไร?
คำว่า “จักระ” มาจากภาษาสันสกฤต แปลว่า “วงล้อ” หรือ “ศูนย์กลางพลังงาน” ซึ่งจักระในร่างกายมนุษย์นั้นจะทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางพลังงานที่ควบคุมการไหลเวียนของพลังงานต่างๆ ในร่างกาย จักระทั้งหมด 7 จุดเรียงตามแนวกระดูกสันหลังจากฐานจนถึงยอดศีรษะ และแต่ละจักระจะส่งผลต่อร่างกาย จิตใจ และจิตวิญญาณในรูปแบบที่แตกต่างกัน
เมื่อจักระทำงานได้สมดุล เราจะรู้สึกถึงความสุข ความสงบ และความเป็นอยู่ที่ดี แต่หากจักระถูกบล็อกหรือไม่สมดุล พลังงานในร่างกายของเราจะไม่ไหลเวียนได้ดี อาจทำให้เกิดปัญหาด้านสุขภาพจิตใจหรือร่างกาย
จักระทั้ง 7 จุด
1. มูลาธาระจักระ
โยคะท่าเอียงข้าง – Side Bend Pose: Embracing Balance and Expansion
ท่า Side Bend หรือท่าเอียงข้าง หรือที่ในภาษาสันสกฤตเรียกว่า Parsva (แปลว่าด้านข้าง) เป็นประเภทพื้นฐานของโยคะอาสนะที่ช่วยยืดและเสริมสร้างกล้ามเนื้อด้านข้างของร่างกาย ช่วยคืนความกระปรี้กระเปร่า ขณะเดียวกันก็ส่งเสริมความรู้สึกสมดุลให้แก่เรา
ในทางปรัชญา ท่า Side Bend เป็นสัญลักษณ์แสดงถึงการค้นหาความสมดุลและความกลมกลืนภายในตัวเรารวมถึงการมีปฏิสัมพันธ์กับสิ่งรอบตัว มีความเกี่ยวข้องกับ Air Element และ Heart Chakra เชื่อว่าการเอียงไปด้านข้างจะช่วยปลดปล่อยความตึงเครียดและพลังงานที่หยุดนิ่งบริเวณหน้าอกและไหล่ และส่งเสริมความรู้สึกของการเปิดกว้าง โอบรับทั้งด้านสว่างและด้านมืดของทุกสิ่งที่ได้พบเจอ ให้เราลื่นไหลไปตามจังหวะชีวิตและปรับตัวได้ และการฝึกท่า Side Bend อย่างตั้งใจยังเป็นการปลูกฝังความรู้สึกเห็นอกเห็นใจผู้อื่น รวมถึงรับรู้ถึงสภาวะทางอารมณ์ของตนเองมากขึ้นได้
ส่วนในทางกายภาพ ท่า Side Bend เป็นการยืดและเสริมความแข็งแรงของกล้ามเนื้อระหว่างซี่โครง กล้ามเนื้อด้านข้างลำตัว และกล้ามเนื้อช่วงหลังล่าง ซึ่งต่างมีความสำคัญอย่างการดูแลให้มีบุคลิกท่าทางที่ดีต่อสุขภาพอย่างต่อเนื่อง ช่วยพยุงกระดูกสันหลัง ลดอาการปวดหลังส่วนล่าง … ...
โยคะท่าบิด – Twist Pose: Harmonizing Body, Mind, and Spirit
ท่า Twist/บิด หรือที่เรียกว่า Parivrtta Asana เป็นท่าโยคะพื้นฐานที่ให้ประโยชน์มากมายต่อร่างกาย นั่นคือเมื่อเราบิด จะช่วยกระตุ้นระบบย่อยอาหาร ล้างพิษ ปรับปรุงการเคลื่อนไหวของกระดูกสันหลัง และเพิ่มการไหลเวียนโลหิต ส่วนประโยชน์ต่อจิตใจรวมถึงจิตวิญญาณ ก็คือการส่งเสริมความสมดุลและความมั่นคงของจิตใจ
ในทางปรัชญา การบิดหรือ Twist เป็นสัญลักษณ์การรวมกันของสิ่งที่ตรงกันข้าม เป็นการผสานร่างกายและจิตวิญญาณ การ Twist จะกระตุ้นให้เราปล่อยวาง ปลดปล่อยรูปแบบและความเชื่อเก่าๆ ปลดปล่อยพลังงานที่หยุดนิ่ง เพื่อเปิดรับพลังแห่งการเปลี่ยนแปลง สร้างพื้นที่สำหรับมุมมองและแนวคิดใหม่ๆ เอื้อสำหรับการเติบโตและการค้นพบตนเอง
ประโยชน์ทางสรีรวิทยา แน่นอนว่าการบิดนั้นช่วยในเรื่องของกระดูกสันหลัง เพิ่มความยืดหยุ่นและความคล่องตัว ปรับปรุงท่าทางและบรรเทาอาการปวดหลัง เมื่อบิดหมอนรองกระดูกจะเหมือนถูกนวดเบาๆ เป็นการส่งเสริมสุขภาพกระดูกสันหลังและป้องกันภาวะความเสื่อม
นอกจากนี้ การบิดยังกระตุ้นเส้นประสาทไขสันหลัง ซึ่งช่วยเพิ่มการไหลเวียนโลหิตให้ส่งไปยังอวัยวะและกล้ามเนื้ออื่นๆ ช่วยนวดและกระตุ้นอวัยวะภายใน ได้แก่ ระบบย่อยอาหาร ตับ ไต … ...
โยคะท่าแอ่น – Backbend: Embodying Strength, Balance, and Expansion
ผู้ที่ฝึกโยคะจะได้เจอกับการฝึกอาสนะหลากหลายท่าที่มีการ Backbend หรือแอ่น/โค้งหลังรวมอยู่ด้วย การจะเข้าท่า Backbend ได้ (ดี) ต้องอาศัยความสมดุลของร่างกายทั้งความยืดหยุ่น ความแข็งแรง รวมทั้งลมหายใจไปพร้อมๆ กัน นั่นคือการยืดลำตัวด้านหน้าตั้งแต่สะโพกขึ้นมากระทั่งใช้การขยายของอก และนอกจากการเคลื่อนไหวของกระดูกสันหลังแล้ว ยังต้องพึ่งพากล้ามเนื้อหน้าขา แกนกลาง กล้ามเนื้อด้านหลังและด้านข้างที่แข็งแรง ซึ่งจะช่วงพยุงร่างกายเมื่อเราแอ่น รวมถึงลมหายใจที่ใช้ก็ต้องทำให้เราคงอยู่ในท่าได้สบาย ฉะนั้นแล้วหากเราเข้าใจวิธีการฝึกและเข้าใจร่างกายของตัวเอง การฝึกท่า Backbend ก็จะเกิดประโยชน์อย่างมากทั้งกับร่างกายและจิตใจ
ในทางปรัชญา ท่า Backbend มีสัญลักษณ์และความหมายที่ลึกซึ้งเลยทีเดียว เกี่ยวข้องกับการเปิดจักระหัวใจ #heartchakra หรือ Anahata (อ่าน ความสมดุลของจักระในด้านอารมณ์) ซึ่งเชื่อว่าเป็นศูนย์กลางของความรัก ความเห็นอกเห็นใจ การให้อภัย และความสมดุลทางอารมณ์ ด้วยท่าทางของการเปิดอก (และหัวใจ) เปรียบเสมือนการรับรู้ถึงความยืดหยุ่นและความแข็งแรง … ...
โยคะท่าก้ม – Forward Bend: Bend, Breathe, and Unwind
Forward Bend หรืออาสนะท่าก้ม เป็นท่าพื้นฐานที่พับลำตัวไปข้างหน้าจากข้อต่อสะโพก ผู้ฝึกโยคะทุกคนต่างคุ้นเคย และไม่ว่าจะระดับไหนก็ฝึกได้ เมื่อก้มพับตัวจะทำให้กระดูกสันหลังเหยียดยาว ช่วยยืดเอ็นร้อยหวายและกล้ามเนื้อหลัง เพิ่มความยืดหยุ่นตลอดแนวกระดูกสันหลังลงมาจนถึงเท้า ทั้งการพับตัวยังช่วยกระตุ้นอวัยวะภายในที่เกี่ยวกับย่อยอาหารด้วย ซึ่งการก้มพับตัวนี้ยังต้องใช้ลมหายใจเพื่อช่วยให้เราเข้าท่าได้ดีขึ้น นอกจากนี้ ลมหายใจที่ลึกและยาวขณะอยู่ในท่ายังจะช่วยผ่อนคลายความตึงเครียดทั้งบนร่างกายและในจิตใจของเราอีกต่างหาก
อ่าน ก้ม แอ่น บิด เอียง “Basic YOGA Poses” ท่าโยคะพื้นฐานชะลอความเสื่อมของร่างกาย
ในทางปรัชญา การก้มตัวไปข้างหน้านั้นสัมพันธ์กับแนวคิดในการยอมจำนน ดังเช่นที่มีชื่อบางอาสนะปรากฏ อย่างท่า Baddha Virabhadrasana หรือ Humble Warrior ซึ่งในภาษาไทยบางครั้งถูกเรียกว่า ท่านักรบผู้นอบน้อม นอกจากนี้ การก้มยังเปรียบเหมือนเป็นการปล่อยความตึงเครียด หรือความกังวลใดๆ ที่มีอยู่ในร่างกายและจิตใจ เมื่อพับตัวไปข้างหน้าก็เหมือนกับเป็นการได้ปลดปล่อย สร้างพื้นที่สำหรับรับพลังงานและมุมมองที่ใหม่ๆ เข้ามาแทนที่
ในการฝึกอาสนะ … ...
วิถีแห่งโยคะ 8 Limbs of yoga
กว่า 2,000 ปีก่อนโน้น ‘ปตัญจลี (Patanjali)’ ผู้ได้ชื่อว่าเป็นบิดาแห่งโยคะ เจ้าของคัมภีร์ศาสตร์แห่งโยคะ ‘Yoga Sutra’ ได้รวบรวมเอาหลักปฏิบัติที่จะช่วยนำทางผู้ที่แสวงหาการตรัสรู้ทางจิตวิญญาณด้วยการฝึกโยคะไว้ด้วยกัน 8 ประการ
8 Limbs of yoga หรือ Ashtanga Yoga
Ashtanga มาจาก ‘Ashta’ = 8 และ Anga = Limb มีความหมายโดยรวมว่า 8 สาขา
หากเปรียบโยคะเป็นร่างกาย ก็จะมีอวัยวะทั้งหมด 8 อวัยวะ หรือหากเปรียบเป็นต้นไม้ หลักทั้ง 8 นี้ก็เปรียบได้ว่าเป็นกิ่งก้านหลักที่จะแตกสาขาออกไป ซึ่งหลายคนถือว่าหลักปฏิบัตินี้เป็นส่วนสำคัญที่สุดในการใช้ชีวิตที่สมบูรณ์อย่างแท้จริง… ...
Pranayama : ปราณยมะกับโยคะ
ลมหายใจมีความเกี่ยวข้องกับร่างกายและอารมณ์ การฝึกลมหายใจจึงจำเป็นเท่าๆ กับการออกกำลังกาย เช่นกันในทางโยคะที่การฝึกฝนไม่ใช่การฝึกอาสนะเท่านั้น เพราะปราณหรือการหายใจแบบโยคีเป็นเพียงหนึ่งในวิถีแห่งโยคะ 8 ประการ (มรรค 8) ที่ต้องฝึกฝนเท่านั้น
Eight Limbs of Yoga : วิถีแห่งโยคะ
การฝึกฝนร่างกายและจิตใจตามวิถีแห่งโยคะของ Patanjali กูรูแห่งศาสตร์โยคะ มีด้วยกัน 8 สาขาหรือ 8 ประการด้วยกัน ได้แก่
- ยมะ (Yama) Universal Morality การละเว้น
- นิยมะ (Niyama) Personal Observances วินัย หรือข้อควรปฏิบัติ
- อาสนะ (Asana) Body Postures